Bathroom Furniture

วันพุธ, มีนาคม 26, 2551

Assignments for ss. Group 201

Direction: Students do as follows:
1. Work in pairs.
2. Make the conversation about greeting in formal and informal situations
- Introducing yourself
- Greeting ; formal and informal
3. Due Date: Within Friday, March 28, 2008
4. Copying from other students will not be accepted or will be deleted.
More details, ask me by writing comments.

คำสั่ง ให้ทำตามดังนี้
1. จับคู่กับเพื่อน
2. สร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการทักทายกันโดยทำดังนี้วันที่ 1 แนะนำตัวเองกับเพื่อนวันที่ 2 ทักทายกัน ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
3. กำหนดส่ง ภายในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551
4. หากซ้ำกับคู่อื่น จะไม่ยอมรับ หรือถูกลบทิ้ง
สงสัยหรือ รายละเอียดเพิ่มเติม คอมเมนท์ มาถามผู้สอนนะครับ
Thank you

A. Frank

Read More

Unit 2 Introductions


พบกันอีกแล้วนะครับกับ GEEN1001 (English for Communication) ซึ่งในวันนี้เราก็กลับมาพบกันอีกในบทที่ 2 ชื่อบทคือ Introductions คือการแนะนำเพื่อนสองคนให้รู้จักกัน เช่นเคยครับ ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดของเนื้อหา เราก็มาดู Scope ของบทนี้นะครับว่า เรียนเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งเนื้อหาหลักๆ ที่จะเรียนมีดังนี้
1. Introductions (สำนวนเกี่ยวกับการแนะนำคน 2 คน ให้รูจักกัน)
2. Talking about occupation (สำนวนที่เกี่ยวกับการถาม - ตอบเรื่องอาชีพ)
3. Indefinite article 'a, an' (การใช้ภาษา: คำนำหน้านามที่ทั่วไปไม่เจาะจง)
4. Simple present tense (การใช้ : ปัจจุบันกาลธรรมดา)
5.Occupations (คำศัพท์ที่เกี่ยวกับอาชีพ)
6. Word Stress (การลงเสียงหนักเบาที่คำที่มีมากกว่าสองพยางค์)
7. Reading and Writing (เทคนิคการอ่านและการเขียน)
เป็นอย่างไรครับ ดูหัวข้อแล้ว ไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหวก็ต้องไหวนะครับ งั้นเรามาดูรายละเอียดกันเลย

Introductions of Other people (การแนะนำคน 2 คน ให้รูจักกัน)
มองจากสถานการณ์นี้ จะมีบุคคลในบทสนทนาถึง 3 คนด้วยกัน ประกอบด้วย
1. สมมติชื่อว่า A เป็นคนที่รู้จักทั้ง 2 คน
2. สมมติชื่อว่า B เป็นคนที่รู้จักกับ A แต่ยังไม่รู้จัก C
3. สมมติชื่อว่า C เป็นคนที่รู้จักกับ A แต่ไม่รู้จัก B
คราวนี้เราก็มาดูสำนวนตัวอย่างนะครับ ทั้งที่เป็นทางการ (formal) และไม่เป็นทางการ (informal)
Formal introduction of other people
Teacher: Why are you standing here, Pam?
Pam: I am waiting for my father.
Teacher: What does your father do?
Pam: He is a judge. There comes my father.
Father, may I introduce Ms Nantinee, my teacher.
Father: How do you do?
Teacher: Pleased to meet you.
Informal introduction of other people
Dao: Hello, Tawee. How’re you?
Tawee: Good, thanks. And you?
Dao: Fine, thanks.
Tawee, this is my friend, Pat.
Pat, this is Tawee.
Tawee: Nice to meet you.
Pat: Nice to meet you, too.

หมายเหตุ: คำหรือสำนวนที่เป็นสีแดง หมายความว่าสามารถใช้สำนวนอื่นซึ่งมีความหมายเดียวกันได้ เช่น

May I introduce ..... เราสามารถใช้สำนวนต่อไปนี้แทนได้ ได้แก่
Let me introduce ....
I would like to introduce ....

Talking about occupation
สำหรับสำนวนที่เกี่ยวกับอาชีพนั้น ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย หากเราสร้างประโยคคำถามพื้นฐานได้
ในที่นี้เราใช้ verb 'do' กับการถามอาชีพ ตามโครงสร้างประโยคและความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยา (Subject- verb agreement) ดูตัวอย่างนะครับ
(Wh-word + helping V.(do/does) + Subject + main V. (base form))
Tawee: What do you do, Pat?
Pat: I am a secretary.
หรือ
Teacher: What does your father do?
Pam: He is a judge.

สังเกตดูตัวสีแดงนะครับ ก็เหมือนที่กล่าวมาแล้วนะครับว่า สามารถเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ว่า ถามใคร
เวลาตอบก็เหมือนกับการใช้ personal pronouns นั่นเองคือ
ถามด้วยประธาน You ตอบด้วย I หรือ
ถามด้วยประธาน He ตอบด้วย He
นอกจากนี้ เมื่อเป็นประโยคแล้ว ยังต้องดูเรื่อง ความสอดคล้องของประธานและกริยา(Subject-verb agreement) จากตัวอย่าง
do สอดคล้องกับ you
does สอดคล้องกับ your father
เราจะดูเฉพาะกริยาตัวแรกกับประธานเท่านั้น

Indefinite articles 'a' and 'an'
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกคนเรียนมาแล้ว แต่เวลาถามไม่เห็นจะตอบได้ถูกต้องแม่แต้คนเดียว ไม่น่าเชื่อนะครับ
ขอย้ำนะครับว่า การเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานนั้น ไม่ใช่เรียนใหม่ เพียงแต่เป็นการทบทวนภาษาอังกฤษของท่านแค่นั้นเองว่า ในการเรียนภาษาที่ผ่านมา ท่านเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เท่านั้นเอง
Indefinite articles คือ คำนำหน้านามที่ไม่เฉพาะเจาะจงมี 2 ตัวคือ a และ an 2 ตัวนี้ใช้อย่างไร
a + noun with consonant sound (a วางไว้หน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ)
an + noun with vowel sound (an วางไว้หน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ)
ดูตัวอย่างนะครับ
a university (อะ ยูนิเวอสิทิ)
an hour ( แอน อาวเออะ)
และเรานิยมใช้ 2 คำนี้ในการพูดถึงอาชีพต่างๆ อย่าลืมนะครับ เวลาใครถามเกี่ยวกับอาชีพ คำตอบต้องมี a หรือ an วางไว้หน้าเสมอนะครับ

Present Simple Tense
เมื่อพูดถึง English for Communication แล้ว Present simple tense นิยมใช้มากที่สุดในการสนทนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการณ์พูดถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน ในบทนี้ก็ได้พูดถึงการใช้ tense นี้ ในการสนทนา แน่นอนครับ การสนทนาคือการถาม-ตอบกันนั่นเอง จะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าเราสร้างคำถามและคำตอบได้ งั้นเรามาทบทวนการสร้างคำถามและคำตอบกันอีกนะครับ
Affirmative sentences (ประโยคบอกเล่า) S + V1...
a) I work at Personnel Division.
b) You always get up late.
c) She cleans the house and does the washing.
d) He likes the food at this restaurant.
e) We go to work by bus.
f) They drive to work everyday.
g) His daily work (it) starts at 11 a.m.

นั่นคือโครงสร้างและตัวอย่างประโยคบอกเล่า ซึ่งเราจะใช้เป็นคำตอบ โดยวางประธานไว้หน้ากริยาดังตัวอย่าง จุดที่อยากจะให้สังเกตก็คือ สีน้ำเงินและสีแดง
เมื่อเป็นประโยคเราก็จะดูที่ความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยา
ข้อควรสังเกต กริยาใน Present นั้น ทั้งหมดยกเว้น verb 'be' มี 2 รูป คือ รูปที่เติม -s และรูปที่ไม่เติม -s ตามประธานนั่นเอง กล่าวคือ
- กริยาที่ไม่เติม-s ใช้กับประธาน I, You, We, They และ plural nouns (คำนามพหูพจน์)
- กริยาที่เติม -s ใช้กับประธาน He, She, It และ singular nouns (คำนามเอกพจน์) สังเกตดูตัวอย่างอีกครั้งนะครับ

Negative sentences (ประโยคปฏิเสธ) S + don't/ doesn't + main V. (base form)...
a) I don't work at Personnel Division.
b) You don't always get up late.

c) She doesn't clean the house and doesn't do the washing.
d) He doesn't like the food at this restaurant.
e) We don't go to work by bus.
f) They don't drive to work everyday.
g) His daily work (it) doesn't start at 11 a.m.

ข้อควรจำเกี่ยวกับประโยคปฏิเสธ ผู้เขียนก็ได้ทำเป็นสีแดงต่างๆ ไว้เพื่อง่ายแก่การเข้าใจดังนี้
1. คำหรือวลีสีแดงซึ่งเป็นประธาน จะสอดคล้องกับวลีที่เป็นสีแดงซึ่งเป็นกริยาช่วยคือ don't หรือ doesn't
2. คำกริยาที่เป็นสีเขียวนั้นคือกริยาแท้ เป็น base form คือ รูปกริยาที่ยังไม่ผันรูป แล้วbase form มันอยู่ตรงไหน อยู่ตรงนี้ครับ
ในกริยา 3 ช่อง base form หรือ infinitive อยู่ข้างหน้ากริยาช่องที่ 1 ตามตารางข้างล่างนี้ครับ
base form------Present(กริยาช่องที่ 1)---Past(กริยาช่องที่ 2)---Past Participle (กริยาช่องที่ 3)
eat-------------eat, eats------------ate---------------eaten
go--------------go, goes------------went--------------gone etc.
ซึ่งกริยารูป base form นี้จะใช้ทั้งในประโยคปฏิเสธและคำถามของ Simple tense ทั้ง Present และ Past เลยนะครับ
Questions (ประโยคคำถาม) (wh-word) + do/ does+ S+ main V. (base form)...
a) Do you work at Personnel Division?
b) Does she clean the house and do the washing?
คำอธิบายของการสร้างประโยคคำถามนั้นคล้ายกับประโยคปฏิเสธ ต่างแต่ตำแหน่งการวางของประธานและกริยาเท่านั้นเอง ได้แก่
1. กริยาช่วย(สีแดง) อยู่หน้าประธาน(สีฟ้า) และต้องสอดคล้องกันนะครับ
2. กริยาแท้(สีเขียว)เป็นรูป base form
3. หากเป็นประโยคคำถามแบบ wh-question ก็จะมีคำ wh-word อยู่ข้างหน้ากริยาช่วย
ในบทที่ 2 นี้ เรื่องที่สำคัญก็มีเท่านี้นะครับ หรือหากใครสงสัยเรื่องใดอยากถามก็ comment มาถามก็แล้วกัน แล้วพบกันในบทที่ 3 ครับ... Bye!

Read More

วันจันทร์, มีนาคม 24, 2551

Assignment 1 for Students Group 701(Chainat)

Direction: Students do as follows:
1. Work in pairs.
2. Make the conversation about greeting in formal and informal situations
- Introducing yourself
- Greeting ; formal and informal
3. Due Date: Within Friday, March 28, 2008
4. Copying from other students will not be accepted or will be deleted.
More details, ask me by writing comments.
Thank you.
A. Frank


คำสั่ง ให้ทำตามดังนี้
1. จับคู่กับเพื่อน
2. สร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการทักทายกันโดยทำดังนี้
วันที่ 1 แนะนำตัวเองกับเพื่อน
วันที่ 2 ทักทายกัน ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
3. กำหนดส่ง ภายในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551
4. หากซ้ำกับคู่อื่น จะไม่ยอมรับ หรือถูกลบทิ้ง
สงสัยหรือ รายละเอียดเพิ่มเติม คอมเมนท์ มาถามผู้สอนนะครับ


Read More

วันพุธ, มีนาคม 19, 2551

Unit 1 Meeting and Greeting

สวัสดีนักศึกษาที่เรียน GEEN1001ทุกคน
ก็หวังว่าขณะนี้ทุกคนคงจะมีหนังสือกันทุกคนแล้วนะครับ ก่อนจะเรียนบทที่ 1 เรามาดูก่อนนะครับว่า ในบทนี้มีอะไรบ้าง หลักๆที่เราจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ มีหัวข้อสำคัญที่ควรทำความเข้าใจดังนี้
Functions/ Expressions
1. Greeting friends and others
2. Introducing yourself

Grammar
3. Verb 'be'
4. Pronouns

Vocabulary
5. Countries and nationalities
Pronunciation
6. English alphabets
Writing
7. Writing about yourself
เมื่อได้ outline แล้ว คราวนี้เราก็มาทำความเข้าใจ โดยผู้สอนจะอธิบายเป็นลำดับดังนี้
ภาษาพูดมี 2 แบบคือ
1.1.1 formal (เป็นทางการ)คือใช้กับสถานการณ์ที่เป็นทางการ และใช้พูดกับคนที่ไม่สนิทคุ้นเคยหรือเป็นเพื่อนกัน
1.1.2 informal (ไม่เป็นทางการ)คือใช้กับสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ และใช้พูดกับคนที่สนิทคุ้นเคยหรือเป็นเพื่อนกัน
ดูตัวอย่างนะครับ
Formal Greeting
A: Good morning, Mr. B.
B: Good morning, Mr. A.
A: How are you this morning?
B: I'm fine, thank you. And you?
A: I'm fine, thank you....
Informal Greeting
A: Hi, B.
B: Hello, A.
A: How's everything?
B: I'm fine, thanks. And you?
A: I'm fine, thanks....
จะเห็นว่า ทั้ง 2 แบบนั้นต่างกันนิดเดียวคือ สำนวนนั่นเอง และที่สำคัญกว่านั้นคือ บางสำนวนนั้นมีสำนวนที่ใช้แทนได้มากมายและหลากหลาย แต่ก็ยังคงความหมายเดิม เช่น
How are you this morning?หรือ How are you this afternoon? หรือ How are you this evening?และหรือ How are you today? เห็นไหมครับเราสามารถเปลี่ยนได้ตามช่วงเวลาได้
ขอยกตัวอย่างอีกสำนวนนะครับ
I'm fine. หรือ I'm very well. หรือ Fine. และหรือ Very well.
ส่วนที่เหลือที่สามารถใช้ได้หลายสำนวน(ตัวเอียง)คือ
Good morning/ afternoon / evening
How's everything?
I'm fine.
And you?
(หากยังสงสัยก็ Comment มาบอกนะครับ)
2. Introducing yourself
การแนะนำตัวเองนั้น ก็มี 2 แบบเช่นกันดังนี้
1.2.1 Formal Introducing yourself
1.2.2 Informal Introducing yourself

ดูตัวอย่างนะครับ
Formal Introducing yourself
A: Excuse me, may I introduce myself? My name is A.
B: I'm B. Pleased to meet you.
A: Pleased to meet you, too...
Informal Introducing yourself
A: My name is A. What's your name?
B: My name is B. Nice to meet you.
A: Nice to meet you, too...
ข้อควรจำ
มีบางสำนวนที่สามารถใช้ได้หลายสำนวน ก็ดูคำที่ขีดเส้นใต้นะครับ
ถัดมาเป็นส่วนของ Grammar หรือ Language Usage ซึ่งในบทที่ 1 นี้ มี 2 หัวข้อที่ต้องมาททวนกันคือ

Verb 'be'
Verb 'be'
นั้นถือว่าเป็นกริยาพิศดารที่สุดในบรรดากริยาทั้งหมด
Verb 'be' นั้นปกติแล้วมีถึง 8 รูปด้วยกันตาม tenses ต่างๆ นะครับ อันได้แก่ is, am, are (present), was, were (past), been (perfect and passive), be (future หรือ หลังกริยาช่วย), being (continuous passive)
ในทที่1 นี้ เราพูดถึงเฉพาะรูปของ Present เท่านั้นนะครับคือรูป is, am , are เพราะมันจะได้สัมพันธ์กับ Pronouns ที่จะกล่าวจากนี้ไป

Personal Pronouns
คือบุรุษสรรพนาม ได้แก่คำที่ใช้แทนชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ซึ่งกล่าวมาแล้วข้างต้น เพื่อไม่ให้ซ้ำซากฟังไม่เพราะหู
บุรุษสรรพนาม แบ่งออกเป็น 3 บุรุษดังนี้
บุรุษที่ 1 คือผู้พูด (speaker) ได้แก่ I (แทนผู้พูดคนเดียว) และ We (แทนผู้พูดหลายคน)
บุรุษที่ 2 คือผู้ฟัง (Listener) ได้แก่ you (แทนผู้ฟังคนเดียวหรือหลายคน) เป็นทั้ง singular และ plural
บุรุษที่ 3 คือผู้อื่นที่พูดถึง (Others) ได้แก่ they (แทนคน สัตว์ สิ่งของที่กล่างถึงหลายคน) He (แทนผู้ชายที่กล่าวถึงคนเดียว) She (แทนผู้หญิงที่กล่าวถึงคนเดียว)และ It (แทนสัตว์ สิ่งของ ที่กล่าวถึงหนึ่งเดียว)

Agreement of Personal Pronouns and Verb 'be'
(ความสอดคล้องระหว่างบุรุษสรรพนามกับ verb to be)
เมื่อเป็นประโยคนั่นหมายถึงต้องมีประธานและกริยา ในที่นี้จะพูดถึงประโยคพื้นฐานทั้ง 3 คือ บอกเล่า(Affirmative), ปฏิเสธ(Negative) and คำถาม(Questions) ว่าบุรุษสรรพนามและ verb to be สัมพันธ์กันอย่างไร และเมื่อเป็นประโยคแล้วการเรียงจะมีความแตกต่างกันอย่างไร

ประโยคบอกเล่า (Affirmative sentences): Subject + is/ am/ are...
I’m Sally.
You’re a teacher.
Sue’s from Melbourne.
He’s Tony.
My name’s Kim.
They’re Sue and Lilian.
สรุปว่า บุรุษสรรพนามและ verb to be สัมพันธ์กันดังนี้
I am...
You are...
We are...
They are...
He is...
She is...
It is...
[plural noun] are... และ
[singular noun] is...
ประโยคปฏิเสธ (Negative sentences): Subject + is/ am/ are + not...
I’m not Sally.
You’re not a teacher.
Sue’s not from Melbourne.
He’s not Tony.
My name’s not Kim.
They’re not Sue and Lilian.
ประโยคคำถาม (Questions): (Wh- word) + is/ am/ are + Subject+ ...?
Yes/No questions
Am I Sally?
Are you a teacher?
Is Sue from Melbourne?
Is he Tony?
Is your name Kim?
Are they Sue and Lilian?
Wh-questions
What’s your name? ---- My name is Sally.
Where are you from? ---- I am from Thailand.
What’s his name? ---- His name is Tony.
Where is he from? ---- He is from France.
What’s her name? ---- Her name is Sue.
Where is she from? ---- She is from Taipei.
อย่าลืมนะครับว่า เมื่อมีการถาม-ตอบ บุรุษสรรพนามจะมีข้อยุ่งยากเพียงสองตัวเท่านั้นคือ
ถาม I ตอบ You
ถาม You ตอบ I
ถาม We ตอบ You
ถาม You ตอบ We
นอกนั้น ถามด้วยตัวใด ก็ให้ตอบด้วยตัวนั้น ได้แก่
ถาม they they
ถาม he ตอบ he
ถาม she ตอบ she
ถาม it ตอบ it

Positions of Personal Pronouns

รูป Subject เป็นประธาน วางไว้หน้ากริยา
รูป Object เป็นกรรม วางไว้หลังกริยา หรือ บุพบท (prepositions)
รูป Possessive adjective แสดงความเป็นเจ้าของจะต้องมีนามตามหลังเสมอ
Subject--------- Object ---------- Possessive adjective
I--------------- me------------my
you ------------ you -----------your
he ------------- him ----------- his
she ------------ her ----------- her
it -------------- it ------------- its
we ------------- us ------------ our
they ----------- them---------- their

Countries and Nationalities (and Languages)
(ชื่อประเทศและสัญชาติ (และภาษา))
ชื่อประเทศเป็นคำนาม (noun) ส่วนสัญชาติและภาษานั้นใช้รูปคำคุณศัพท์ (adjective) เช่น
Australia --------- Astralian
Britain ----------- British
Canada ---------- Canadian
China ------------ Chinese
France ----------- French
Japan ------------ Japanese
Korea ------------ Korean
Singapore -------- Singaporean
U.S.A.------------ American
New Zealand ----- New Zealander
Switzerland ------- Swiss
Italy -------------- Italian
ยังมีอีกเป็นร้อยประเทศ นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้นเอง ศึกษาเพิ่มเติมนะครับ
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. Complete the conversation. Then compare with your partner.

Yoko: Rich, who are the two women over there?
Rich: Oh, (1)____________ names are Lisa and Kate.
Rich: Hi, Kate. This (2)____________Yoko. (3) __________ from Japan
Yoko: Hello. Nice to meet you.
Kate: Glad to meet you, Yoko.
Lisa: And (4)__________ name (5)____________ Lisa.
Yoko: Hi, Lisa.
Rich: Lisa and Kate (6)___________ from Canada.
Yoko: Oh? Where (7) ____________ you from in Canada?
Kate: (8) _________ from Toronto.

2. Complete these questions. Then practise with a partner.

a) A: Who is that?
B: That’s Rich.
b) A: _________________ he from?
B: He’s from Los Angeles.
c) A: ________________ his last name?
B: It’s Brown.
d) A: _________________ the two students over there?
B: Their names are Nadia and Linda.
e) A: ______________they from?
B: They’re from Canada.
3. Put the words in the correct order to form affirmative, negative or questions.

Example: this/ an English class/ is /? = Is this an English class?
a) your friend/ from / where / is /? =
b) Lisa / is / her name / not / =
c) from/ Phuket/ are / my friends/ =
d) their names/ are/ what/? =
e) are/ from/ not/ we/ Bangkok/ =
f) your/ when/ class/ is/? =
g) south/ from/ not/ they/ are/ the/ =
h) friends/ are/ they/ your/? =

(Source: GEEN1001 English for Communication by Associate Professor Chanida Muangkaew)
ลองตอบดูนะครับ ถ้ามีคนตอบถึงจะเฉลยพร้อมคำอธิบาย
หากมีข้อสงสัยไม่เข้าใจยังไงก็ แสดงความคิดเห็นมาได้นะครับ เดี๋ยวจะอธิบายเพิ่มเติมให้ หรือหากมีข้อผิดพลาดก็ติชมมาได้นะครับ
See you next unit.


Read More