Bathroom Furniture

วันเสาร์, เมษายน 05, 2551

Unit 3 Everyday Life

พบกันอีกครั้งครับกับ GEEN1001 (English for Communication) ซึ่งในวันนี้เราก็พบกันในบทที่ 3 ชื่อบทคือ Everyday Life คือชีวิตประจำวัน เช่นเคยครับ ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดของเนื้อหา เราก็มาดู Scope ของบทนี้นะครับว่า เรียนเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งเนื้อหาหลักๆ ที่จะเรียนมีดังนี้
1. Talking about routine activities (สำนวนเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน)
2. Frequency and time expressions (คำหรือสำนวนที่บอกความถี่และเวลา)
3. Days, numbers and time (การใช้ภาษา: การอ่านวัน ตัวเลขและการบอกเวลา)
4. The /s/, /z/, /iz/ sounds (คำกริยาช่องที่1 เมื่อเติม -s หรือ -es แล้วออกเสียงต่างกัน)
5. Reading and Writing (เทคนิคการอ่านและการเขียน)
เป็นอย่างไรครับ ดูหัวข้อแล้ว คิดว่าคงไม่ยากนะครับ งั้นเรามาดูรายละเอียดกันเลย
Talking about routine activities
เกี่ยวกับบทสนทนานั้นเราจะเน้นที่สำนวนประโยคถาม-ตอบที่เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันเช่น
ถาม A: How do you spend your day?
ตอบ B: I get up very early and exercise for an hour.
-----------------------------------------------------
ถาม A: What time do you get up?
ตอบ B: I get up around 6.
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง สำนวนเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันยังมีอีกมากมาย หรือจะดูเพิ่มเติมในหนังสือก็ได้นะครับ
นักศึกษาลองอ่านบทสนทนาและเติมคำในช่องนี้เหล่าดูนะครับ
A: Rita, what time do you _(1)____________?
B: Well, I usually get up around _(2)___________.
A: Oh, that’s too _(3)__________ for me.
A: Do you have breakfast _(4)_____________?
B: Yes. I have _(5)___________, just coffee and toast.
A: Really. I often skip breakfast because I _(6)____________ late.

A: Kate, you look really slim and fit. Do you _(7)__________ much?
B: Yes, I _(8)___________ in the park with my sister every evening.
A: How long do you go jogging?
B: About 45 minutes.

ดูจากประโยคคำตอบในข้อ 2. แล้วน่าจะถามว่า ริตา คุณตื่นนอนกี่โมง เพราะในคำตอบว่า ปกติฉันตื่นนอนราวๆ ... พิจารณาดูแล้วคำที่หายไปน่าจะเป็น get up ที่แปลว่าตื่น และข้อ 2. และ3 ก็ต้องสัมพันธ์กันนะครับ เพราะถ้าข้อ2 ตอบว่า 6 O'clock ข้อ 3 ก็ต้องเป็น early ที่แปลว่า เช้าตรู่ แต่ถ้าข้อ 2 ตอบว่า 10 o'clock ข้อ 3 ก็อาจจะตอบว่า late ที่แปลว่า สายก็ได้.....อย่างนี้เป็นต้น
ข้อควรจำ การพูดถึงกิจวัตรประจำวันนั้น เราใช้ Present simple tense เสมอ หากยังไม่เข้าใจก็ลองกลับไปอ่านทบทวนอีกครั้งในบทที่ 2 นะครับ
การบอกเวลา (Telling time)
การบอกเวลานั้นมี 2 แบบคือ
1. แบบอังกฤษ (British English) ซึ่งการบอกลักษณะนี้จะนับจากหลังไปหน้า (ดูตามตัวเลข) เช่น
2.30 อ่านว่า thirty past two or half past two
2.31 อ่านว่า twenty-nine to three
2. แบบอเริกัน (American English) เป็นการบอกเวลาตามเลขที่เห็น คืออ่านจากหน้าไปหลัง อ่านธรรมดา เช่น
2.30 อ่านว่า two thirty
2.31 อ่านว่า two thirty-one
ข้อควรจำ 1. เลขหน้า คือ ชั่วโมง ส่วนเลขหลังนั้นคือ นาที 2. แบบอังกฤษนั้นมี 2 คำที่ต้องทำความเข้าใจคือ past และ to : past ใช้กับ นาทีที่ 1 - นาทีที่ 30 ส่วน to นั้นใช้กับนาทีที่ 31-59 3. นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อเรียกแทนนาทีที 15 และ30 : quarter = 15 นาที และ half = 30 นาที

การใช้ at, on, in กับเวลา
ในการพูดถึงกิจวัตรประวันนั้นมักจะมีคำกริยาวิเศษณ์บอกเวลาและความถี่(Time and frequency expressions)มาเกี่ยวข้องเสมอ ให้เข้าใจอย่างนี้นะครับว่า
- Time expressions นั้นใช้ตอบคำถาม When หรือ What time (เมื่อไร หรือเวลาเท่าไร)
- Frequency expressions นั้นใช้ตอบคำถาม How often(บ่อยแค่ไหน)
กลับไปทบทวนในหนังสือนะครับ
ที่ต้องทำความเข้าใจอีกก็คือ การใช้ prepositions: at, on, in กับเวลานั่นเอง สรุปได้ดังนี้ครับ
- at ใช้กับช่วงเวลาสั้นๆ เช่น at 3 o'clock, at noon, at midnight, at lunchtime
- on ใช้กับวันและวันที่ เช่น on Christmas Day, on my birthday, on Monday, on 13 April 2008
- in ใช้กับเดือน ปี ศตวรรษ ช่วงระยะเวลายาวๆ เช่น in May, in 2008, in the morning, in the summer, in the future, in the next century
ดูตัวอย่างประโยคต่อไปนี้ สังเกตและทบทวนความเข้าใจอีกครั้งนะครับ
I have a meeting at 9 am.
The shop closes at midnight.
Jane went home at lunchtime.
In England, it often snows in December.
Do you think we will go to Jupiter in the future?
There should be a lot of progress in the next century.
Do you work on Mondays?
Her birthday is on 20 November.
Where will you be on New Year's Day?
อย่างไรก็อย่าลืมอ่านหนังสือหรือดูตัวอย่างอื่นๆในหนังสือเพิ่มเติมนะครับ แล้วพบกันในบทที่ 4 นะครับ





ไม่มีความคิดเห็น: